วันพฤหัสบดีที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2554

ความหมายและขอบเขตของวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม


            คําว่า "วิทยาศาสตรสิ่งแวดล้อม" (Environmental science) มาจากคําศัพท์ 2 คํา คือ วิทยาศาสตร์(science) มีรากศัพท์เดิมมาจากภาษาลาตินว่า scientia หมายถึง การเรียนรู้ (learning) หรือ การศึกษา (knowing) (Loretta
M. Bierer and Violetta F. Lien 1985: 2) กับสิ่งแวดล้อม ( Environment) ซึ่งตามพระราชบัญญัติ ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 ได้ให้ความหมายของสิ่งแวดล้อมไว้ว่าสิ่งแวดล้อม หมายความถึงสิ่งต่าง ๆที่มีลักษณะทางกายภาพและชีวภาพที่อยู่รอบตัวมนุษย์ ซึ่งเกิดขึ้น
โดยธรรมชาติและสิ่งที่มนุษย์ได้ทำขึ้น ส่วนนักบริหารวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมได้ให้ความหมาย
"สิ่งแวดล้อมว่า หมายถึง สิ่งต่าง ๆ ที่อยู่รอบ ๆ ตัวเรา"เป็นคํานิยามที่เข้าใจง่าย เพราะชี้ให้เห็นว่า บรรดาสรรพสิ่ง
ทั้งหลายที่อยู่รอบๆ ตัวเป็นสิ่งแวดล้อมทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตและสิ่งไม่มีชีวิต หรือสิ่งที่เห็นได้ด้วยตาแล ะสิ่งที่ไม่สามารถเห็นได้ด้วยตาหรือสิ่งที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติและสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นล้วนเป็นสิ่งแวดล้อมทั้งสิ้น
แต่การตีความหมายจากคํานิยามนี้อาจจะไขว้เขวในบางครั้ง กล่าวคือ คําว่า "สิ่ง" นั้นน่าจะเป็นสิ่งที่เห็นได้ด้วยตา มีลักษณะหน้าตาที่แสดงว่าเป็นสิ่งอะไรก็ได้ ด้วยข้อเท็จจริงแล้วคําว่า "สิ่ง" ในที่นี้อาจจะเป็นได้ทุกรูปแบบ เป็นทั้งของแข็ง ของเหลว ก๊าซ มีรูป อรูป วัฒนธรรม ศาสนา ประเพณี ฯลฯ
            มีอีกคําหนึ่งที่ต้องทําความเข้าใจคือ "รอบตัวเรา" คําว่า "ตัวเรา" ส่วนใหญ่แล้วเข้าใจว่าตัวเรา เป็นมนุษย์
เท่านั้น ซึ่งก็เป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนทางวิชาการ โดยข้อเท็จจริงแล้ว ตัวเราอาจเป็นป่าไม้ ถ้ากล่าวถึง
สิ่งแวดล้อมป่าไม้ ตัวเราอาจเป็นดิน ถ้ากล่าวถึงสิ่งแวดล้อมดิน อาจเป็นแม่น้ำ ถ้ากล่าวถึงสิ่งแวดล้อมแม่น้ำ
อาจเป็นต้นไม้ หรือสัตว์ชนิดใดชนิดหนึ่งก็ได้ ถ้ากล่าวถึงสิ่งแวดล้อมของต้นไม้หรือสัตว์นั้นๆ อาจเป็นแม่น้ำ เป็นต้น
            สิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบตัวเรามิได้มีขอบเขตจํากัด อาจใกล้หรือไกลก็ได้ อาจใกล้ขนาดชิดตัวเรา หรือ
อาจไกลสุดขอบฟ้า สัมผัสกับตัวเราหรือไม่สัมผัสกับตัวเรา อาจมีทั้งสิ่งที่ดีและไม่ดีมีพิษ หรือ ไม่มีพิษ มีประโยชน์หรือไม่มีประโยชน์ก็ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าตัวเรามีภาวะอะไรแวดล้อมอยู่ ดังนั้นสิ่งแวดล้อม
จึงหมายถึงทุกสิ่งทุกอย่างบนพื้นโลก (อาจรวมทั้งจักรวาล) เป็นทั้งของแข็ง ของเหลว ก๊าซ (ทั้งเป็นพิษและไม่เป็นพิษ) สารเคมี (ทั้งเป็นพิษและไม่เป็นพิษ) สภาวะทางฟิสิกส์ (เสียง ความสั่นสะเทือน แสง ความร้อน) ต้นไม้ สัตว์ มนุษย์ ดิน หิน แร่ อากาศ วัตถุธาตุ สิ่งก่อสร้าง บ้านเรือน ถนน โรงเรียน วัด เมือง ชุมชน วัฒนธรรม ศาสนา ประเพณี กฎระเบียบ ข้อบังคับ ฯลฯ หรือกล่าวอีกอีกนัยหนึ่งได้ว่า สิ่งแวดล้อม อาจเป็นสิ่งที่ให้คุณหรือโทษแก่มนุษย์หรือสิ่งมีชีวิตอื่นๆ เป็นสิ่งซึ่งสามารถสัมผัสด้วยอาการทั้งห้าได้หรืออาจเป็นทรัพยากรธรรมชาติหรือไม่ใช่ทรัพยากรธรรมชาติก็ได้

วิธีการสำคัญที่ใช้ในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม


วิธีการสำคัญที่ใช้ในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้แก่ การออกกฎหมายควบคุม การจัดตั้งองค์กรเพื่อบริหารงาน การวางแผนพัฒนาสิ่งแวดล้อม การกำหนดมาตรฐานคุณภาพสิ่งแวดล้อม การศึกษาและจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมจากโครงการพัฒนา ทั้งของภาครัฐและภาคเอกชนและการประชาสัมพันธ์และสิ่งแวดล้อมศึกษา
 ในวิธีการทั้งหลายทั้งปวงนี้ การออกกฎหมายซึ่งมีบทลงโทษที่เหมาะสม จะเป็นวิธีการสำคัญวิธีการหนึ่ง สามารถช่วยให้การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมประสพผลสำเร็จ ตัวอย่างของกฎหมายในเรื่องนี้มีอาทิเช่น พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พระราชบัญญัติวัตถุมีพิษ พระราชบัญญัติแร่ พระราชบัญญัติโรงงาน พระราชบัญญัติการผังเมือง พระราชบัญญัติน้ำบาดาล และพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร เป็นต้น
การจัดองค์กรเพื่อการบริหารงานด้านการกำหนดนโยบายแผนการจัดการ การวางแผนงาน โครงการ เป็นวิธีการหนึ่งของการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในระดับหน่วยงานปฏิบัติ
การวางแผนเพื่อแก้ไขปัญหาหรือพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะทำให้การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมสอดคล้องกับการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ การจัดทำแผนในลักษณะนี้ได้ดำเนินการมาตั้งแต่แผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๔ ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๗ (๒๕๓๖ - ๒๕๓๙) ซึ่งเป็นแผนพัฒนาประเทศฉบับปัจจุบัน ได้มีการจัดทำแผนเพื่อการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไว้ชัดเจนกว่าแผนที่แล้วมา โดยแยกเป็นแผนการบริหารและจัดการทรัพยากรธรรมชาติและแผนการพัฒนาสิ่งแวดล้อมเพื่อคุณภาพชีวิต
วิธีการสำคัญอีกวิธีหนึ่งในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ก็คือ การกำหนดมาตรฐานเพื่อการควบคุมภาวะมลพิษของประเทศและควบคุมแหล่งกำเนิดเพื่อให้คุณภาพสิ่งแวดล้อมอยู่ในระดับมาตรฐานที่กำหนด ตัวอย่างของมาตรฐานคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่กำหนดขึ้นแล้ว ได้แก่ มาตรฐานค่าควันดำและค่าก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ที่ระบายอกจากท่อไอเสียของรถยนต์ มาตรฐานคุณภาพอากาศเสียที่ระบายออกจากโรงงาน มาตรฐานคุณภาพอากาศในบรรยากาศ มาตรฐานระดับเสียงของรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และเรือ มาตรฐานและวิธีการตรวจสอบคุณภาพน้ำทะเลชายฝั่ง มาตรฐานคุณภาพน้ำทิ้ง มาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากอาคารบางประเภทและบางขนาด มาตรฐานคุณภาพน้ำดื่ม มาตรฐานวัตถุมีพิษในอาหารและเครื่องสำอาง เป็นต้น
การศึกษาและจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมเป็นวิธีการหนึ่งของการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในระดับโครงการ เพื่อไม่ให้โครงการพัฒนาทั้งของภาครัฐและภาคเอกชน เกิดผลเสียหายต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพราะจะเป็นกระบวนการที่แสดงถึงผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่จะเกิดขึ้นในทุกขั้นตอนของการดำเนินการตั้งแต่ การวางแผนโครงการ การดำเนินโครงการ และหลังดำเนินโครงการ รวมทั้งจะต้องมีการเสนอแนะแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมที่จะเกิดขึ้นด้ว
วิธีการสำคัญประการสุดท้าย ได้แก่ การประชาสัมพันธ์และสิ่งแวดล้อม ศึกษาเพื่อมุ่งสร้างจิตสำนึกให้รู้จักคุณค่าและความสำคัญของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแก่ประชาชนทุกคน โดยมุ่งเน้นที่เด็กและเยาวชนที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในวันหน้า